สวัสดีครับเพื่อนๆ
มาถึงตัว P = Purpose ซึ่งก็คือเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของเพื่อนๆ นั่นเองครับคงปฏิเสธไม่ได้เลยน่ะครับว่าเมื่อเราจะทำอะไรแล้ว และเราไม่มีจุดมุ่งหมายเราก็เหมือนคงล่องลอย ไม่รู้อนาคตของตัวเอง
แต่เมื่อใดแล้ว เมื่อเรามีเป้าหมายและ พุ่งชนมัน เราจะมีความมุ่งมันในการทำมันให้เป็นความจริง ก็ตาม
โฆษณาล่ะครับที่เขาบอกว่า " เป้าหมายมีไว้พุ่งชน "
ดังนั้นผมจึงบรรจุ P ซึ่งก็คือเป้าหมายและเป้าประสงค์ในหลักสูตรนี้ด้วย เพื่อให้เพื่อนๆ ทำมันอย่างมีแรงจูงใจไม่ใช่ทำมันและ ไม่รู้ว่าอนาคตของเพื่อนๆ ที่จะพบนั้นคืออะไร
โชคดีครับผมได้เจอวิธีการทำเป้าหมายให้เป็นความจริงจาก ปรมาจารย์ด้านกฎสู่ความสำเร็จมาซึ่งผมนำมาใช้แล้ว มันมีพลังอย่างน่าประหลาดใจมาก และทุกสิ่งที่ดีๆ เข้ามาในชีวิตผมมากมาย เพื่อนๆ อาจจะไม่ค่อยรู้จัก หรือบางคนอาจจะรู้จักคุณ Jack Canfield น่ะครับ เขาพลิกชีวิตจากเด็กที่ไม่มีเป้าหมายอะไรเลย จนปัจจุบันเป็นเศรษฐีพันล้านได้อย่างไร วิธีเขาผมจะลำดับให้เพื่อนๆ เพื่อให้เพื่อนๆ ง่ายต่อการปฏิบัติครับผม
1. อันดับแรกให้เพื่อนๆ กำหนดเป้าหมายที่เพื่อนๆ ต้องการยกตัวอย่างเช่น ต้องการรถหรู กำหนดแค่นี้ไม่พอเพื่อนๆ ต้องวาดภาพในสมองด้วยว่า ต้องการรถยี่ห้อใด รุ่นอะไร สีอะไร ลักษณะทั้งหมดของรถเป็นอย่างไร สี่ประตู หรือ 2 ประตู และกำหนดวันที่จะได้ครอบครองด้วยว่า วัน เดือน ปีอะไร ดังตัวอย่างนี้ครับผม
แนวคิดดีๆ - ฉันต้องการเป็นเจ้าของรถหรูสักคันหนึ่ง
เป้าหมาย - รถเบนซ์ 250 C-Class สี่น้ำเงิน ไฟเรียว 2 ดวง มีล้อแม็คใหญ่สวยงาม
ฉันต้องได้มันในวันที่ 1 มกราคม 25XX เป็นต้น
ซึ่งเพื่อนๆ ต้องเขียนให้ละเอียดเหมือนใบสั่งงานเลยครับ
* ทั้งนี้เป้าหมายเพื่อนๆ ไม่จำเป็นที่ต้องจำกัดเฉพาะทรัพย์สินน่ะครับอาจจะเป็นตำแหน่งในองค์กรธุรกิจก็ได้ กำหนดรายได้ต่อเดือน และความภูมิใจเช่นเดียวกันให้ละเอียด
ซึ่งวิธีง่ายๆ หารูปรถที่เหมือนกับที่เราคิดไว้ มาติดที่หน้าโต๊ะทำงาน และให้หลับตารู้สึกว่าเราได้
ครอบครองมันแล้ว และเราภูมิใจมากแค่ไหน เอาความรู้สึกออกมาทั้งหมดครับ
2.นำมาเขียนในกระดาษขนาดประมาณ 3X5 นิ้วและทบทวนเป้าหมายของคุณทุกวัน ตื่นตอนเช้า และก่อนนอน ทุกๆวันเพื่อนๆ จะเกิดพลังอย่างประหลาด
3. พบกระดาษที่บันทึกเป้าหมายติดตัวไปทุกที่ ดูทุกวัน หากคุณบันทึกเป้าหมายลงในสมุดเล่มเล็กๆ พกติดตัวไว้และทบทวนสม่ำเสมอเพื่อนๆ กำลังทำตัวเหมือนบุคคลในโลกนี้ร้อยละ 3 ที่ประสบความสำเร็จระดับสูงที่มีอยู่ทั่วโลก
เพื่อนๆ จะสังเกตได้ว่าเพื่อนๆ จะมีแรงฮึกเหิมทุกครั้งเมื่อคิดถึงเป้าหมาย แรงคิดดังกล่าวจะดึงดูดวิธีการต่างๆ ให้เพื่อนๆ ได้รับในสิ่งที่เพื่อนๆ ต้องการ
แต่หากเพื่อนๆ ไม่เป้าหมายก็ไม่มีทางได้รับในสิ่งใดๆ ในโลกนี้ เพื่อนๆ ลองทำดูครับ ฟังดูอาจจะเป็นวิธีการที่บ้าบอ แต่เป็นวิธีที่ได้ผลมาแล้วทั่วโลก
เพื่อนๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ The Success Principle ของคุณ Jack Canfield ได้
อุปสรรคที่ขัดขวางทางสำเร็จของเพื่อนๆ และทุกๆ คนบนโลกนี้คงหลีกไม่พ้นศัตรูด้านจิตใจ 3 ตัวนี้ครับ
"ความกังวล ความกลัว และสิ่งกีดขวาง"
เช่นเพื่อนๆ จะเริ่มวิ่งเพื่อลดความอ้วน และได้ยินคนอื่นๆว่า นายมันแก่เกินไปที่จะวิ่งแล้วน่ะ เพื่อนๆก็เกิดความกังวลว่า เราจะทำได้เหรอ จะลดได้เหรอ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเป้าหมายของคนทั่วไปจึงไม่เป็นอย่างที่หวังไว้
ความกลัวเพื่อนๆ อาจสัมผัสความกลัวว่าถูกปฏิเสธ กลัวว่าจะผิดพลาด กลัวขายหน้า แม้กระทั่งกลัวว่าลงทุนไปแล้วกล้วเสียเงินก้อนสุดท้ายที่เก็บหอมรอบริบมา เป็นต้นความกลับไม่ใช่เรื่องผิดปกติ มันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเท่านั้น
ส่วนสิ่งกีดขวางเป็นสถานการณ์ภายนอกจริงๆ เช่นสภาวะเศรษฐกิจ สภาวะสังคม วัฒนธรรมเป็นต้น
ผมอยากจะบอกเพื่อนๆ ว่าให้เพื่อนๆ อย่ามองความกังวล ความกลัว หรือสิ่งกีดขวางเป็นไฟแดงที่ต้องหยุดทันทีแต่ขอให้มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ปรากฎขึ้นเสมอ ทุกที่ ทุกเวลา เมื่อมันเป็นไฟแดงได้ ต่อไปมันก็ต้องเป็นไฟเขียว เพื่อนๆ สามารถผ่านไปได้
เพื่อนๆ อาจจะสูญเสียสิ่งของหรือเงินทองในการก้าวไปสู่ความฝันแต่เพื่อนๆ ไม่สูญเสียความชำนาญ ซึ่งเป็นสิ่งที่เพื่อนๆ เรียนรู้ในการก้าวไปสู่จุดมุ่งหมาย
เพื่อนๆ ว่าประโยคที่ผมกล่าวข้างต้นเป็นจริงไหม
" ฉะนั้นจะมัวรออะไรอยู่"
"ลงมือทำเดี๋ยวนี้เลยสิ"
แด่เป้าหมายที่เป็นจริงของคุณ
" คุณเชื่อหรือไม่! หากคุณทำการตลาดธุรกิจเครือข่ายอย่างถูกต้อง คุณก็จะสำเร็จสุดๆ ทุกค่าย พิสูจน์ได้ด้วยตัวคุณเอง "
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น
(
Atom
)
ค้นหาโดย Google
Custom Search
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น