SPAM MAIL ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมมีเรื่องราวของสแปมเมล์มาฝากครับ

ขณะนี้ ปัญหาของธุรกิจเครือข่ายที่ทำกันอยู่ในประเทศไทย สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจ

ที่คุณทำอยู่ ไม่น่าเชื่อถือ หรือหมดค่าไป คือการสแปมอีเมล์


“สแปมเมล์ (Spam Mail)” หมายถึง จดหมายอิเลคทรอนิกส์ที่ผู้ส่ง(ซึ่งมักจะไม่ปรากฏชื่อและ

ที่อยู่ของผู้ส่ง) ได้ส่งไปยังผู้รับและมิได้รับความยินยอมจากผู้รับ โดยการส่งสแปมเมล์นั้นอาจมีวัตถุ

ประสงค์ในเชิงพาณิชย์หรือไม่ก็ได้


หลายท่านไม่เข้าใจเรื่องการสแปมอีเมล์ ว่ามันมีผลเสียหายร้ายแรงอย่างไร อาจจะเนื่องมาจากความ

เคยชินที่ทำกันมานาน หรืออาจจะเพราะความเห็นแก่ตัว ของแต่ละคนก็แล้วแต่ครับแต่การสแปมอีเมล์

เป็นเรื่องร้ายแรงแน่นอน และจะเกิดผลเสียหายหลายประการคือ




1.ผิดกฎหมายของไทยและทั่วโลกแน่นอน และมีอัตราโทษทางอาญาที่สูงพอสมควร บางประเทศ

เช่น สิงคโปร์ นอกจากมีโทษจำคุกแล้วยังมีโทษปรับที่รุนแรงมาก คือปรับรายชื่ออีเมล์ ละ $25

ถ้าคุณดวงดีส่งสแปมไปเข้าอีเมล์ของคนสิงคโปร์ ซัก 1000 รายชื่อ แล้วเขาเอาเรื่องขึ้นมา ก็ลอง

คำณวณดูครับ  ว่าจะเสียค่าปรับเท่าไร แถมยังต้องติดคุกไม่รอลงอาญา อีกต่างหาก


โทษตามกฎหมายบ้านเรา

พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

มาตรา 11 “ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอม

แปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่น

โดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท”(มีแต่โทษปรับไม่มีโทษจำคุก)


ส่วนกรณีที่สแปมเมล์ เป็นเรื่องการหลอกลวงให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายก็สามารถนำกฎหมายอาญา

เรื่องการฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 คือ “ผู้ใดโดยทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วย

การแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวง

ดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม รวมถึงการหลอกลวงให้ทำ ถอน หรือ

ทำลายเอกสารสิทธิ ผู้ที่กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือ ปรับไม่เกินหกพันบาท

หรือทั้งจำทั้งปรับ” มาใช้เพื่อเพิ่มบทลงโทษได้


2.ก่อความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ผู้อื่น เพราะอีเมล์ที่เขามีจุดประสงค์ของคนส่วนใหญ่เพื่อเอาไว้

ติดต่อสื่อสารกันในกลุ่มเพื่อน หรือคนรู้จัก จู่ ๆ ท่านส่งอีเมล์อะไรไม่รู้ไปให้เขา คิดดูว่ามันน่า

รำคาญหรือไม่


3.ทำให้ธุรกิจที่ท่านนำเสนอ กลายเป็นสิ่งไร้ค่า เพราะก่อความรำคาญให้เขาและการที่ท่านสแปม

มันผิดกฎหมาย จะไปให้เขาเชื่อถือว่าธุรกิจที่ท่านนำเสนอมันดี ถูกกฎหมาย ย่อมเป็นไปได้ยาก

เพราะตัวท่านเองยังทำผิดกฎหมาย และบางครั้งอาจจะโดนผู้รับ แจ้งการสแปมไปยังเว็บไซต์ที่ทำอยู่

ซึ่งเขามีกฎเรื่องสแปมอยู่แล้ว และท่านเองอาจจะโดนลบแอคเคาน์  ก็จะย้อนกลับมาสร้างความ

เสียหายให้ท่านเอง


4.ทำให้ธุรกิจที่ท่านทำอยู่ และตัวท่าน ถูกรังเกียจจากสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่


อย่างไรเรียกว่า “สแปมเมล์”

เอาง่าย ๆ เลยครับ หลักใหญ่คือ ถ้าคุณส่งเมล์ไปให้คนอื่นโดยที่เขาไม่ได้อนุญาตให้คุณส่งไป

นั่นเป็นการสแปมทั้งหมด จะอ้างอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละครับ บางคนอ้างว่าตอบเมล์ไปตามรายชื่อ

ที่เขาสแปมกันมา นั่นก็ผิดครับเพราะไม่มีใครอนุญาตให้คุณส่งไป ถ้าคุณจะตอบกลับ คุณตอบไป

เฉพาะไอ้คนที่ส่งสแปมมา อาจจะพออนุโลมได้


หลายๆ คนมักจะทึกทักเอาเองว่า การส่งอีเมล์ไปหาคนจำนวนมากๆ แบบนี้มันคือการตลาดออนไลน์

แบบหนึ่งที่ทำผ่านอีเมล์(E-Mail Marketing) ไม่ใช่แน่นอนครับ การทำสแปมเมล์ กับ

การตลาดผ่านอีเมล์มันมีความแตกต่างกันอยู่มากมาย


หลักการทำการตลาดผ่านอีเมล์ที่ถูกต้อง

1.      ส่งเมล์หากับผู้ที่คุณรู้จักอยู่แล้ว และ/หรือผู้รับแสดงความจำนงในการรับเมล์ ควรส่งเมล์ให้กับคน

ที่รู้จักเค้าอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นการส่วนตัว หรือในทางธรุกิจ หรือส่งผ่านผู้ให้บริการส่งอีเมล์ โดยที่ผู้

ให้บริการเหล่านั้นได้รับสิทธิในการส่งข่าวสารจากสมาชิกในกลุ่ม  ซึ่งอีเมล์สแปมสวนใหญ่จะไม่ได้รับ

สิทธิในการส่งจากผู้รับ


2.      มีส่วน "ยกเลิก (Unsubscribe)" การรับอีเมล์ภายในอีเมล์ทีส่งจะต้องมีการยกเลิก

รับอีเมล์ได้ และต้องทำการยกเลิก และไม่ทำการส่งอีเมล์กลับไปอีก และภายหลังจากแจ้งการ

ยกเลิกรับอีเมล์ ควรจะมีอีเมล์ยืนยันการยกเลิกรับกลับไป เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้รับ


3.      แจ้งผู้รับเมล์ว่าคุณคือใครในอีเมล์ควรมีการแจ้งว่าข้อมูลเกี่ยวกับผู้ส่ง ได้แก่ ชื่อเว็บไซต์หรือชื่อ

บริษัท,ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้, เบอร์โทรศัพท์ เพื่อยืนยันว่าคุณมีตัวตนจริง


4.      ใช้เนื้อหาที่เป็นความจริงเนื้อหาที่ใช้ภายในอีเมล์ควรเป็นความจริง ไม่กล่าวอ้างเกินความจริง

และไม่ควรใช้ FW: หรือ RE ในหัวข้อการส่ง เพราะจะทำให้ผู้รับเข้าใจผิดได้


5.      เคารพสิทธิของผู้รับ ไม่ควรคุกคามหรือก้าวก่ายสิทธิของผู้รับมากจนเกินไป และในที่เก็บอีเมล์

จากผู้รับควรแจ้งเจตนาและเป้าหมายในการส่งข้อมูลหาผู้รับให้ชัดเจนว่า จะส่งเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องอะไร

ไปบ้าง


6.      อย่าไปแอบเอา(ดูด)อีเมล์มากจากที่อื่นข้อนี้ชัดมาก คืออย่าไปเอาอีเมล์มาจากที่อื่นโดย

ปราศจากการยินยอมจากเจ้าของอีเมล์ หลายๆ คนชอบใช้โปรแกรมไปดูดอีเมล์มาจากเว็บไซต์ต่างๆ

ซึ่งข้อนี้เองที่ ผู้ส่งสแปมเมล์ทั้งหลายชอบใช้กัน


ถึงเวลาหรือยังครับ ที่เราจะทำธุรกิจออนไลน์กันแบบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ น่าเชื่อถือกันเสียที

เลิกเถอะครับ สแปมเมล์ หันมาใช้การทำการตลาดที่ถูกต้องดีกว่า ยังมีวิธีการโฆษณาให้ใช้อีกมาก

มาย ทั้งในไทยและต่างประเทศครับ ของฟรีก็มีมากมาย เพียงแต่เราไม่พยายามเรียนรู้และใช้มันเอง

1 ความคิดเห็น :

  1. รบกวนสอบถามหน่อยครับ

    ถ้าดูจากมาตรา 11 ไม่มีระบุในส่วนของการส่งอีเมลโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำไมบางแหล่งข้อมูลเขียนว่า หากส่งอีเมลโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น ไปดูดอีเมลผู้รับมา ก็มาส่งเลย ถือว่าเป็นสแปมแล้ว อยากทราบว่าในมาตรา 11 ไม่ได้ระบุเรื่องนี้ไว้ ถือว่าผิดกฏหมายหรือไม่อย่างไรครับ

    ตอบลบ

ค้นหาโดย Google

Custom Search